http://kohkhokhao.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
หน้าแรก บทความ  ข้อมูลทั่วไป ข่าวสาร อสังหาริมทรัพย์ รวมรูปภาพ เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
Menu
หน้าแรก
ข้อมูลทั่วไป
ที่พัก & โรงแรม
ข่าวสาร
อสังหาริมทรัพย์
สินค้าชุมชน
ภาพจากเกาะคอเขา
แผนที่เกาะคอเขา
หนังสือพิมพ์
เว็บบอร์ด
ท่องเที่ยวเกาะคอเขา
ข่าวประชาสัมพันธ์
ข่าวสิ่งแวดล้อม
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับที่ดิน
เรื่องเล่าจากพลเมือง
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
iGetWeb.com
เว็บสำเร็จรูป ทำเว็บ สร้างเว็บ




 

เยือนเมืองโบราณ"บ้านทุ่งตึก"จ.พังงา เพลินทิวทัศน์รับลมทะเลที่"เกาะคอเขา"

เยือนเมืองโบราณ"บ้านทุ่งตึก"จ.พังงา เพลินทิวทัศน์รับลมทะเลที่"เกาะคอเขา"

“พังงา” นับเป็นจังหวัดที่มีความน่าสนใจและมีศักยภาพทางการท่องเที่ยวสูงจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย เพราะมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์อันปรากฏหลักฐานด้านโบราณคดีต่าง ๆ ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งบริเวณ บ้านทุ่งตึกบนเกาะคอเขา มีการค้นพบซากเมืองโบราณและข้าวของเครื่องใช้มากมาย จึงนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจ

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสไปร่วมทริปกับโครงการ “Lady Journey go green เที่ยวใส่ใจ หัวใจสีเขียว” ที่ชวนสาว ๆ ไปเยือนเมืองย้อนยุค แห่งอันดามัน จังหวัดพังงา ซึ่งในยุคประวัติศาสตร์พังงาได้ชื่อว่าเป็นเมืองชุมทางค้าขายที่สำคัญและมีบันทึกต่าง ๆ เกี่ยวกับเมืองนี้ไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เช่น หนังสือภูมิศาสตร์ของชาวกรีก คือ คลอดิอุสปโตเลมี ที่กล่าวว่ามีเมืองการค้าเจริญรุ่งเรืองอยู่เมืองหนึ่งในแทบนี้คือ เมืองตะโกลา เป็นศูนย์กลางทางการค้าขายสองฝั่งทะเล ซึ่งเชื่อกันว่า ปัจจุบันคือ บริเวณบ้านทุ่งตึก บนเกาะคอเขา อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา นั่นเอง

การเดินทางเริ่มขึ้นเมื่อต้องนั่งเรือข้ามเกาะซึ่งใช้เวลาไม่นาน โดยมี รุ่งสุริยา ปิยะธรรมรงโรจนา เจ้าของโรงแรมซีแอนด์เอ็น ทำหน้าที่เป็นไกด์นำทัวร์รอบเกาะพร้อมอธิบายว่า เกาะคอเขามีเส้นผ่าศูนย์กลาง 28 กิโลเมตร มีประชากรซึ่งระบุรายชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจำนวน 800 คน แต่อาศัยอยู่จริง ๆ ประมาณ 300 คน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าพรุ เกิดจากที่สมัยก่อนมีการทำเหมืองแร่ โดยเฉพาะในอำเภอตะกั่วป่า ส่วนพื้นที่บนเกาะคอเขาถูกใช้งานจากการขุดแร่ดีบุก ทำให้พื้นที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เกิดน้ำขัง มีตันไม้ที่เกิดภายหลัง คือ ต้นเสม็ดขาว

ปัจจุบันธรรมชาติมีการฟื้นฟูสภาพตัวเอง ระบบนิเวศปรับเปลี่ยนสถานะตัวเองจากเมื่อก่อนเคยเป็นป่าก็แปลงสภาพเป็นป่าพรุ สัตว์ป่ามีขนาดเล็กลง แม้กระทั่งดอกบัวก็ยังมีขนาดเล็ก โดยดอกบัวมี 2 สายพันธุ์ คือดอกบัวมะลิเหลืองและดอกบัวมะลิขาว แต่บนเกาะคอเขามีดอกบัวมะลิขาวเพียงสายพันธุ์เดียว นอกจากนี้ยังมีต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ซึ่งความจริงแล้วถือเป็นพรรณไม้แปลกที่หาดูได้ยากเพราะอยู่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น และสัตว์ป่านานาชนิด เช่น เสือกินปลา ตัวสีดำเล็ก ๆ เท่าสุนัข เก้ง กวาง แต่มีขนาดตัวเล็ก และมีนกพันธุ์ต่าง ๆ ได้แก่ นกเงือก นกป่า ฝูงควายไล่ทุ่ง

อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก เพราะเป็นฤดูของกุ้งเคย กุ้งลายเสือ กุ้งล็อบเตอร์ กุ้งมังกร กุ้งแชบ๊วยที่มีปริมาณเยอะมาก ถ้าว่ายน้ำอยู่จะได้จับกุ้งลายเสือเล่นด้วย ซึ่งเกาะคอเขาในอดีตเคยเป็นเมืองค้าขายกับทางเปอร์เซียและเป็นจุดพักสินค้า ซึ่งเรียกว่าเมืองตะโกลา มีการค้นพบพระพุทธรูปทองคำ รูปปั้นพระนารายณ์ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ถือเป็นหลักฐานยืนยันว่าแถบนี้เคยเป็นชุมทางค้าขายที่ผู้คนนักเดินเรือ พ่อค้า พราหมณ์และช่างฝีมือต่าง ๆ จากอินเดียใต้ในสมัยราชวงศ์ปัลลวะราวพุทธศตวรรษที่ 12 ได้เดินทางมาค้าขายในแถบนี้ ปัจจุบันมีรูปปั้นพระนารายณ์อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ถลาง นอกจากนี้ยังมีเรือกลไฟที่เป็นเรือใช้ระบบไอน้ำจมอยู่ตรงปากทางระหว่างเกาะคอเขาและเกาะพระทองด้วย

สำหรับเมืองโบราณชาวบ้านเรียกกันว่า “ทุ่งตึก” หรือ “เมือง ทอง” สาเหตุที่เรียกเช่นนั้นเพราะบริเวณนี้มีซากอาคารโบราณสถานอยู่ 3 แห่ง ซึ่งมีการสำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2478 พบเศษภาชนะดินเผาที่ผลิตในสมัยราชวงศ์ถังของจีน (ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13) และเครื่องแก้วของชาวเปอร์เซีย จากการค้นพบทำให้นักโบราณคดีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ดร.เอช.จี ควอริทซ์ เวลส์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษเคยมาขุดสำรวจครั้งหนึ่งและนักปราชญ์ทางโบราณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าทุ่งตึกเป็นเมืองท่าโบราณซึ่งชาวอินเดีย จีน อาหรับและมลายูมาทำการค้าขาย เพราะตั้งอยู่ในทำเลและสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เหมาะสมในการเป็นที่จอดเรือหลบคลื่นลม มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์

การมาท่องเที่ยวบนเกาะคอเขาที่หาดหาปลา (ชื่อหาดชาวบ้านตั้งกันเอง) ครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงมรสุมเข้ามีฝนตกโปรยปรายลงมาตลอด หนักบ้างเบาบ้างแต่ก็มีความสุขไปอีกแบบเพราะบรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ ที่สำคัญสามารถเห็นน้ำทะเลกลายเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุที่น้ำทะเลรอบเกาะคอเขาเป็นสีแดงในช่วงมรสุม เพราะว่าน้ำส่วนหนึ่งมาจากแม่น้ำตะกั่วป่า ซึ่งเกาะคอเขาอยู่ใกล้กับแม่น้ำตะกั่วป่าที่ไหลงลงมาสู่ทะเล ข้อดีที่มีน้ำลักษณะนี้ใน ช่วงมรสุม คือแพลงก์ตอนที่ไหลลงมาจากธรรมชาติมาสู่ทะเลทำให้พื้นที่บริเวณนี้ยิ่งมีความอุดมสมบูรณ์ หมายถึงว่าถ้ายิ่งจำนวนแพลงก์ตอนมากจะมีประชากรสัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลามีจำนวนมากขึ้นด้วย เพราะสัตว์ทะเลทั้งหลายต้องมาหากินที่บริเวณนี้ทำให้ที่นี่มีทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลค่อนข้างสมบูรณ์ แต่ถ้าอากาศดี ๆ ที่บริเวณหาดหาปลาแห่งนี้จะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้ชัดเจน โดยเฉพาะเกาะ 3 เกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม คือ เกาะตาชัย เกาะผ้า และเกาะสุรินทร์

กิจกรรมหลักของการท่องเที่ยวบนเกาะคอเขา คือ ปั่นจักรยานและเดินป่า ซึ่งภายในป่ามีต้นไม้ยักษ์ขนาด 10 คนโอบให้ได้ชม และยังมีน้ำตกที่มีเส้นทางไหลลงแม่น้ำของหมู่บ้านครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งไหลลงทะเล นับเป็นความอุดมสมบูรณ์ที่หาดูได้ยากยิ่งในปัจจุบัน ส่วนต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงหากปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ จะอยู่บริเวณปากเกาะ นอกจากนี้ยังมีลานสนามบินสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นเคยมาตั้งฐานทัพอากาศที่เกาะคอเขาแห่งนี้เพื่อใช้พื้นที่ทำรันเวย์และที่จอดเครื่องบิน ปัจจุบันชาวบ้านได้นำพื้นที่บริเวณนั้นมาใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงควายประมาณร้อยกว่าตัว ซึ่งควายที่นี่จะมีนิสัยน่ารัก คือเวลาตื่นนอนตอนเช้าก็ออกจากคอกไปหาหญ้ากิน และนอนพักผ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ในตอนกลางวัน เมื่อถึงเวลาตอนเย็นก็ลงไปอาบน้ำทะเลก่อนกลับเข้าคอก ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกวันโดยที่ชาวบ้านไม่ต้องบอก จึงทำให้ควายที่นี่มีความอุดมสมบูรณ์ตัวใหญ่และไม่ได้ถูกใช้งาน

ทั้งนี้ก่อนเกิดสึนามิเราสามารถมองเห็นภาพลานสนามบินอย่างชัดเจน แต่หลังจากเกิดสึนามิถล่มแล้ว ทะเลได้พัดเอาลูกไม้ เช่น ลูกสนมาพร้อมกับทรายและกลบผิวหน้ารันเวย์ ทำให้มีต้นสนเริ่มขึ้นมาบ้าง แต่ไม่เต็มพื้นที่เพราะเจริญเติบโตยากเนื่องจากผิวรันเวย์ค่อนข้างหนา ทำให้ต้นสนที่ขึ้นมามีลักษณะไม่สมบูรณ์ ส่วนพื้นที่ปกติมีต้นไม้ที่เกิดใหม่หลังสึนามิขึ้นมากมายเป็นจำพวกต้นสนจึงมีอายุเท่ากันหมดทำให้มองดูเป็นระเบียบสวยงาม นอกจากธรรมชาติจะสวยงามแล้วเรายังสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เต็มปอดอีกด้วย ถือเป็นการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติอีกทางเลือกหนึ่งของคนรักธรรมชาติ

เมื่อสูดอากาศบริสุทธิ์และพักผ่อนบนเกาะคอเขาอย่างเต็มที่แล้วก็ไปตะลุยกันต่อที่ เมืองเก่าตะกั่วป่า ที่ยังคงสภาพตึกแถวสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนยุคไปในสมัยโบราณ เมืองตะกั่วป่านั้นถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนในอดีต โดยเฉพาะในเรื่องของเมืองท่าค้าขายมาแต่ยุคโบราณ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักและมาเที่ยวชมเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์

จากการเดินสำรวจจะเห็นว่าอาคารแต่ละหลังเป็นอาคารแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสที่มีโครงสร้างเป็นกำแพงรับน้ำหนัก มีลวดลายประดับอาคารเป็นยุโรป เช่น ที่หัวเสา ขอบหน้าต่าง ซึ่งชายคาของอาคารแต่ละหลังจะออกแบบให้สามารถเดินเชื่อมต่อหากันได้อย่างสะดวก สำหรับภายในบ้านมีความลึกมาก มองเข้าไปภายในลึกประมาณ 40 เมตร โซนด้านหน้าหากมองขึ้นไปจะเห็นช่องลมสี่เหลี่ยมที่ออกแบบไว้เพื่อขนส่งสินค้า เพราะในสมัยก่อนด้านล่างของบ้านจะเป็นร้านขายของ ส่วนชั้นลอยเป็นที่เก็บสินค้าจึงต้องมีช่องขนส่งสินค้าจากด้านบนลงมาด้านล่างได้ง่ายเมื่อสินค้าด้านล่างหมด

การมาเยือนจังหวัดพังงาจึงไม่ใช่แค่การมาท่องเที่ยวทะเลและนอนฟังเสียงคลื่นเพียงอย่างเดียว ยังสามารถศึกษาประวัติศาสตร์ในอดีตของเมืองเก่า ๆ เพื่อเก็บกลับไปเล่าให้ลูกหลานได้ฟังสืบต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อคงอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวโบราณของไทยเอาไว้ตราบนานเท่านาน.

 
view