เพื่อแก้ไขปัญหาของภูเก็ต และพร้อมตั้งคณะอนุกรรมการมาศึกษาเรื่องนี้ พร้อม ฝากไปยังรัฐบาลเร่งจัดสรรงบมาพัฒนาพื้นที่ภูเก็ตให้สมดุลกับรายได้ โดยเฉพาะปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่รองรับนักท่องเที่ยวได้เพียงพอ และแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวแบบผูกขาด
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยววุฒิสภานำโดยนางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย ประธานคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว วุฒิสภา เดินทางรับฟังแนวทางการดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรค และผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ร่วมนำเสนอข้อมูลปัญหา อุปสรรคและผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต แก่คณะกรรมาธิการท่องเที่ยววุฒิสภาที่ห้องประชุมชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่)
ในการรับฟังความคิดเห็นปัญหาการท่องเที่ยวจากภาครัฐและเอกชน ในวันนี้ นางสุวลัย ปิ่นประดับ ผอ.ททท.สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า ในปี 2550 ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ภูเก็ต 5 ล้านกว่าคน สร้างรายได้ถึง 9.4 แสนล้านบาท และทั้ง 3 จังหวัดอันดามันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 8 ล้านคน สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นถึง 1.2 แสนล้านบาท และในปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าภูเก็ตจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 6 คนอย่างแน่นอน จากที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ส่งเสริมการตลาดในตลาดเดิมที่มีอยู่คือตลาดยุโรป เอเชียและตลาดใหม่ๆที่จะดึงเข้ามาเสริมในช่วงหน้าฝนทั้งยุโรปใต้ รัสเซีย รวมไปถึงการดึงกิจกรรมด้านการกีฬาเข้ามาเสริมตลาด
ด้านนายภูริต  มาศวงษา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณมาพัฒนาพื้นที่ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรในทะเบียนราษฎร์ ทำให้ภูเก็ตซึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมากกลับได้รับงบประมาณมาพัฒนาไม่เพียงพอจึงเสนอว่า ควรจะผลักดันนโยบายการกำหนดให้ภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อสามารถพัฒนาและแก้ไขปัญหาของพื้นที่ได้
ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าว สอดคล้องกับความเห็นของนายสงคราม ชื่นภิบาล ที่ปรึกษากรรมาธิการท่องเที่ยววุฒิสภา ซึ่งระบุว่าจากการรับฟังปัญหาพบว่ามี  3 ประเด็น ด้วยกัน คือปัญหาเรื่องคน เรื่องเงินและการบริหารจัดการ ดังนั้นมองว่า ภูเก็ตควรเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและตนยินดีสำหรับที่จะช่วยเหลือในการศึกษาโครงนี้ และน่าจะหยิบยกเรื่องนี้มาดำเนินการให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง              
นางธันยรัศม์  อัจฉริยะฉาย  ประธานกรรมาธิการท่องเที่ยววุฒิสภา กล่าวว่ากรรมาธิการท่องเที่ยววุฒิสภาจะตั้งคณะอนุกรรมการมาศึกษาเรื่องนี้โดยเร็ว และต้องให้ท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมเพราะถ้าเป็นเป็นไปได้จะทำให้ช่วยพัฒนาพื้นที่ได้และมองว่าจะไม่ซ้ำซ้อนการศึกษาประกาศเป็นเขตพื้นที่พิเศษของอพท.อย่างไร ก็ตามจะต้องถามคนภูเก็ตด้วยว่ามีความพร้อมหรือไม่
นายไมตรี นฤขัติพิชัย นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตกล่าวว่า ภูเก็ตมีปัญหาทางการท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกหลายๆปัญหา ซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้วแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขทั้งๆที่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตเพิ่มขึ้นทุกๆปี อย่างเช่น ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ปัญหาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหางบประมาณที่ได้รับการจัดสรรน้อยไม่เพียงพอในการแก้ปัญหา ปัญหาการจราจรและ ขนส่ง เป็นต้น ซึ่งปัญหาทั้งหมดทางผู้ประกอบการในภูเก็ตต้องการที่จะฝากทางคณะกรรมาธิการฯในการนำปัญหาดังกล่าวไปเสนอให้ทางรัฐบาลแก้ไข เพราะภูเก็ตถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทำรายได้เข้าประเทศจำนวนมากในแต่ละปี อย่างปีทีผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 5 ล้าน คน สร้างรายได้ถึงเกือบแสนล้านบาท แต่ปัญหากลับไม่ได้รับการแก้อย่างจริงจัง ร้อยโทภูมิศักดิ์ หงษ์หยก รองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ปัญหาของภูเก็ตต้องได้รับการแก้ไขเพราะภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศปีละจำนวนมากๆแต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ที่ผ่านมามีการพูดถึงการผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อที่จะมีรายได้ในการพัฒนาและแก้ปัญหาต่างๆ หากเป็นไปได้ทางคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวชุดนี้จะตั้งคณะอนุกรรมการฯขึ้นมาศึกษาถึงแนวทางในการที่จะทำให้ภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ขณะที่นาวาอากาศโททวิชา เนินลพ ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต ชี้แจงว่า ท่าฯ ภูเก็ตก่อสร้างมานานแล้ว และขณะนี้ค่อนข้างที่จะคับแคบแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการขยายอาคารผู้โดยสารต่างประเทศไปแล้วก็ตาม และจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ทางบอร์ดทอท. ได้วางแผนที่จะขยายท่าฯภูเก็ตให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 15 ล้านคน โดยแบ่งการขยายออกเป็น 2 เฟส ใช้เงินลงทุน 5,000 ล้านบาท เฟสแรกจะขยายให้สามารถรองรับเพิ่มอีก 5 ล้านคนในอีก 2 ปีข้างหน้าและเฟสที่สองก็จะขยายให้สามารถรองรับได้อีก 5 ล้านคน ส่วนปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้นก็มีการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว 
นางธันยรัศม์  อัจฉริยะฉาย  ประธานคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวสมาชิกวุฒิสภา กล่าวภายหลังนำคณะกรรมาธิการฯ ลงมารับฟังปัญหาและผลกระทบจากการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต จากภาครัฐ และผู้ประกอบการในพื้นที่ ว่าส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ที่ไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพิ่มขึ้นได้อย่างเพียงพอ ทั้ง สนามบินนานาชาติภูเก็ต ระบบการขนส่งคมนาคม ปัญหาขยะ และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาที่มีลักษณะคล้ายกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่นในฝั่งอันดามัน คือ มีการทำตลาดให้นักท่องเที่ยวเข้ามามาก แต่ไม่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานมารองรับ ซึ่งจะทำให้เกิดจุดเสื่อม ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไม่ประทับใจ และไม่กลับมาอีก จึงฝากทางรัฐบาลช่วยดูแลในเรื่องจัดสรรงบประมาณมาพัฒนาพื้นที่ การเน้นท่องเที่ยวคุณภาพ และแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวแบบผูกขาดที่รายได้ไม่ได้เข้าประเทศอย่างแท้จริง
นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย กล่าวอีกว่า คิดว่ากรรมาธิการแต่ละคณะควรจะตั้งคณะอนุกรรมการลงมารับฟังปัญหา ของพื้นที่ เพื่อจะได้นำปัญหาเร่งด่วนไปตั้งคณะอนุกรรมการมาศึกษา และวิจัยแบบเจาะลึก เพื่อนำเสนอรัฐบาลได้เข้าแก้ไข
        ที่มา : www.siangtai.com 19 มิ.ย 2551